2.21.2558

ไปเกาหลี KOREA Trip by Neuronox

ฮาโหลลล อันยองฮาเซโย ~
คิดถึงกันไม๊ ไม่ได้อัพบล็อกมาเป็นชาติ ฮ่าาๆๆ
วันนี้ไอซจะมาเล่าประสบการณ์ "เดินทางไปเกาหลี กับ NEURONOX"
เมื่อปลายเดือนมกราที่ผ่านมาให้ฟังกันค่า ^0^
บอกเลยว่านี่คือ ครั้งแรกที่ไอซไปเกาหลี เลยตื่นเต้นฝุดๆ เพราะอยากไปมากๆ



ก่อนอื่นต้องของเกริ่นก่อนเลยว่าทริปเกาหลีครั้งนี้เนี่ย 
ไอซไปกะ NEURONOX ค่ะ
อ๊ะ! งงล่ะสิ่ว่าคืออะไร? 
NEURONOX คือ บริษัทผลิตสาร Botulinum Toxin 
หรือที่ทุกคนเข้าใจว่ามันคือ BOTOX เกาหลี
ซึ่งจริงๆแล้ว BOTOX อะ คือ ชื่อ ยี่ห้อ ตัวสารจริงๆคือ Botulinum Toxin
และเจ้า Botulinum Toxin แหละที่ช่วยให้หน้าตึง ริ้วรอยหาย กลายเป็นตึงเป๊ะ! 
งงยัง? อย่าพึ่งงนะ ยกตัวอย่าง 
มาม่า (ยี่ห้อ) = บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
ไวไว (ยี่ห้อ) = บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
เช่นเดียวกัน
NEURONOX (ยี่ห้อ) = Botulinum Toxin
BOTOX (ยี่ห้อ) = Botulinum Toxin
เข้าใจแล้วใช่ม๊ายยยยยย :D
 =
 =

นั่นคือ 1 อย่างสำคัญที่ได้รู้จากทริปนี้
และไอซก็ได้รู้ว่าสารตั้งต้นที่ใช้ทำ Botulinum Toxin 
ของ NEURONOX กับ BOTOXนั้นคือตัวเดียวกันเลย 
แปลว่า ผลลัพธ์ที่ได้ของมันคือ "เหมือนกันเป๊ะ”
(แต่ราคาต่างครึ่ง/ครึ่ง NEURONOX ~6000 BOTOX ~12000 )
และได้ไปเดินดูโรงงานผลิตของเค้าด้วย ชื่อบริษัทของเค้าคือ Medytox
บอกเลยว่าข้างในนี้แบบว่า ตรวจมาตรฐานกันแบบถี่ยิบ คุมเข้มแบบสุดๆ
พิถิพิถันหลายขั้นตอนมากๆ เอาเป็นว่าผ่านมาตรฐานไอซ 555


แล้วก็ได้มีโอกาสพูดคุย 
(อย่างเป็นกันเอง >> ในร้านหมูย่างเกาหลีและผับใจกลางกังนัม) 
กับ CEO ของบริษัท และ Distributor ผู้นำเข้ามาจัดจำหน่ายในไทย


ทราบว่าบริษัทคือเก่งมาก สามารถคิดค้นสูตรทำ Botulinum Toxin 
แบบน้ำได้เป็นเจ้าแรก จน BOTOX อันโด่งดังมาซื้อลิขสิทธิ์ไป...
อะ จบข้อมูลคร่าวๆไว้เพียงเท่านี้ ติดตามยาวๆได้อีกใน Wongnai Beauty น้า หุหุ


มาถึง part การท่องเที่ยวสไตล์สาวแอ๊วแบบเราบ้างง
คือจริงๆก็ไม่ได้ไปเที่ยวไหนมากหรอก 
เพราะวันแรกก็ไปทัวร์โรงงาน
วันที่ 2 ไปทัวร์คลินิก และ วันที่ 3 ก็กลับและ
ถึงแม้... จะฟังดูเหมือนมีเวลาเพียงน้อยนิด 
แต่เราก็ได้ไปเที่ยวหลายที่เหมือนกัน
เริ่มไปทีละวันเลยละกัน...

วันแรก หลังจากทัวร์โรงงานก็กลับมาที่พัก 
แล้วออกไปทานหมูย่างเกาหลีในแบบฉบับต้นตำรับของแท้
พร้อมรับการ entertain จากหนุ่มๆชาวเกาหลี 
ผู้ซึ่งพูดเป็นคำเดียวคือ “หมดแก้ว” 555
งานนี้ก็ยับกันไปเป็นแถว โชคดีที่ออกตัวว่าไม่กินแอลตั้งแต่แรก รอด!

คือหมูมันมากกกกกส์ แต่ย่างมาแล้วน่ากินมากก สุดท้ายก็ซัดเรียบ!


บรรยากาศหนุกหนานจนหนุ่มๆและผู้บริหารพาไปต่อที่ ผับดังย่านกังนัม (ชื่อไรไม่รู้)
ซึ่งบรรยากาศไม่เหมือนที่คิดไว้เลยแฮะ ไม่มีเต้น ไม่มียืนเบียดเสียด
ทุกคนนั่งเป็นโต๊ะเหมือนว่านั่งคุยธุรกิจ... อ่อออ นี่สิ่นะ โอปป้า กังนัมสไตล์


จบคืนที่หนึ่ง กลับโรงแรม นอนหลับคร่อกฟี่ ~


วันที่ สอง 
หลังจากไปทัวร์คลินิกอัพเดทเทรนด์ความงามสไตล์เกาหลี
(ได้ความว่าทุกวันนี้ศัลยกรรมทุกวันนี้เป็นเพื่อความสวยงาม 
มากกว่าการชะลอความชรา
และสาร Botulinum Toxin ฮ็อตฮิตมาก 
มีข้อดีหลากหลาย สามารถใช้ไปได้ทั่วร่างกายเลย
เช่น ทำให้คอดูระหงขึ้น ขาดูเล็กลง รอยย่นที่หน้าหายไป เป็นต้น )


เสร็จแล้วก็มีเวลาให้เราได้ไปผลาญเงินที่เมียงดง
อื้อหือออออ ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามมานาน พึ่งเคยมาเหยียบเยือนเป็นครั้งแรก
พูดเลยว่า “เวลา” ช็อปนานเท่าไหร่ก็คงไม่พอ และที่ไม่พอมากกว่าเวลาก็คือ “เงิน”
โอ้ยย คุณแม่คุณเจ้า มันหลากหลายแบรนด์เหลือเกิน แต่ละแบรนด์ก็ถู๊กถูก 
(กว่าที่ไทยเยอะ)
หรือถ้าแบรนด์ไหนไม่มีที่ไทยก็น่าใช้ซะเหลือเกิน แหม๊.. โดนไปสิ่ครัช
ซื้อมาแบบมากมายมหาศาล ทั้งเอามาใช้เอามาลอง 
และเอามา giveaway ในเพจ PADIE กะ Wongnai Beauty อิอิ ลองติดตามกันดูนะ
คือเอาเป็นว่า แค่เข้าร้านเครื่องสำอางก็หมดเวลาไม่ได้ไปช็อปอย่างอื่นเลย
ของที่ได้มาก็...


 

ไม่มากมายเท่าไหร่ (เหรอออออออออออ !?!?)
และเราก็ไปจบวันด้วยการไปชมวิวสวยๆ ที่ Seoul Tower



จังหวะพี่พูดเลยว่า "หนาวมาก” ยิ่งไม่มีคู่ยิ่งหนาวขึ้นไปอีก (ฮะ เกี่ยวไม๊)

แล้วก็มาดินเนอร์เก๋ๆ แบบบุฟเฟ่ต์อิ่มเว่อร์ บนยอดตึก อู๊วว ~
คือบรรายากาศดีมาก โรแมนติกมาก มากะแฟนนี่สวีทสุดๆ วิวสวยๆ
อาหารก็อร่อยสุดๆด้วยเช่นกัน


และยังไม่จบ เราไปต่อกันที่ย่าน... อะไรไม่รู้จำชื่อไม่ได้ 555 
แต่เค้าว่าเป็นเหมือน platinum บ้านเรา คือเหมือนมากจริงๆ
แต่ของในนั้นก็จะเป็นของเครื่องหนาว ฟรุ้งฟริ้งมุ้งมิ้ง
ซึ่งไม่ได้ซื้ออะไรเลย เพราะประเทศไทยไม่มีโอกาสจะได้ใส่อะไรแบบนี้แน่นอน หึหึ

จบคืนที่ 2 นอนหลับคร่อกฟี่ ~

วันสุดท้าย ช็อปปิ้งยังไม่พอ เรามาช็อปกันต่ออีกที่ Mall อะไรซักอย่าง 
จำชื่อไม่ไ่ด้อีกแล้ว TuT
feel เหมือนโลตัส บิ๊กซี หรืออะไรเทือกๆนี้ 
เพราะพวกเราอยากจะมาซื้อสตรอเบอร์รี่กันน่ะ
ก็.. ได้ดั่งใจค่ะ ซื้อมากันเสมือนหนึ่งชีวิตนี้ไม่เคยเห็นสตรอเบอร์รี่มาก่อน 555
ความเศร้าคือ “ ไม่ มี ถุง “
เอิ่ม เงิบสิครับงานนี้ ปกติพี่ไทยเรามีถุงทุกไซส์บริการเสมอ มานี่ ไม่มี ต้องซื้อ
แถมซื้อแล้วไซส์ก็ไม่ได้อีก เอ่อะ ก็เลยต้อง “ประดิษฐ์” ลังให้เป็นบรรจุภัณฑ์กันเอง
บอกเลยว่าสนุกมากก 555 เหมือนอยู่ในชั่วโมงงานประดิษฐ์ โชว์ผลงาน...



งานช็อปยังไม่จบ เราไปช็อปกันต่อที่อินซาดงด้วย
ไอซได้เสื้อกั๊กขนมุ้งมิ้งมาด้วย 1 ตัว ราคาเพียง 300 บาทเท่านั้น OMG ถูกมั่ก



หลังจากช็อปปิ้งอย่างบ้าคลั่ง
สภาพตอนบินกลับนี่บั่บว่าา อื้อหือ อีบ้าหอบฟางสุดๆ
ต้องหอบหิ้วทุกสรรพสิ่ง พร้อมเสื้อกันหนาวตัวใหญ่ที่ใส่กระเป๋าไม่ลงกลับมาด้วย
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า กระเป๋าต้องใหญ่กว่านี้ !?!?!?!

จบค่ะ จบแล้ววว นี่แหละ ประสบการณ์ท่องเที่ยว ณ แดนกิมจิของไอซ
บอกเลยว่าสนุกมากๆเลยแหละ ^^ 
ขอบคุณพี่จูนพี่ใหม่ ที่ดูแลเป็นอย่างดี และพี่พี่ที่น่ารักที่ร่วมทริปด้วยกันทุกคนนะค๊ะ 


และขอบคุณทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ด้วยค่า (จะมีซักคนไม๊ฮึ 5555)
ถ้ามี... รักนะ จุ๊บๆ <3 <3 <3


อ่านแล้วคอมเม้นพูดคุยกะไอซได้น้าา อ่านแล้วจากไปเลย เก๊าเหงา ><

WB link : ฝาแฝด Botox! Neuronox ฉีดหน้าเรียว ตึง เป๊ะ ของถูกและดีจากเกาหลี !!!

12.28.2557

รีวิว : Estée Lauder Perfectionist Youth-Infusing Makeup SPF 25

สวัสดีค่าาา ฮัลโหลๆ วันนี้ฤกษ์งามยามดีไอซได้มาอัพบล็อกอีกครั้ง
ปกติจะ feed ใน facebook อย่างเดียวเลย ไม่ค่อยได้เขียนบล็อกเป็นเรื่องเป็นราว
พอดีว่าช่วงก่อนหน้านี้ไอซยุ่งๆอะค่ะ (ชั้นเห็นแกยุ่งตลอดเวลา... lol)
โอเค เอาเป็นว่า เรามาระเริ่มการระรีวิวเลยละกัน

วันนี้ไอซจะรีวิว Estée Lauder 
Perfectionist Youth-Infusing Makeup SPF 25
เป็นรองพื้นรุ่นใหม่ล่าสุดของทางแบรนด์ค่ะ (เค้าให้มาลอง คริคริ)


โอเค ถ้าแค่อ่านจากชื่อเนี่ย...
Perfectionist >> มันจะสวยเป๊ะแบบว่าเพอร์เฟ็กต์ เนียนกริบ ไร้ที่ติ
Youth-Infusing >> เติมความเด็กให้กับผิวเราด้วย 
Makeup >> เอาไว้ใช้แต่งหน้า
SPF 25 >> มันจะช่วยเรากันแดดไม่มากก็น้อย


แล้วมันเป็นจริงอย่างที่ชื่อมันบอกไม๊ ?

Perfectionist >> เห้ยย มันก็ไม่ใช่เล่นๆนะ มันก็ทำให้ผิวนวลเนียนขึ้นมากเลย 
คือ ต้องบอกก่อนว่าช่วงนี้ไอซไม่ได้เป็นสิวหรือมีรอยอะไรมาก (ใช้คำว่า ช่วงนี้...)
มีรอยกระจางๆและก็รอยสิวจางๆนิสหน่อย ใช้รองพื้นอันนี้แล้วถือว่าโอเคเลย
ทุกอย่างหายไป โอเค รู้เรื่อง แต่ถึงขั้น Perfectionist เลยไม๊ คิดว่ายังกว่านี้ได้อีกนะ
คือ ทุกอย่างยังเห็นเป็นผิวอยู่ ยังมีความเป็นธรรมชาติ เป็น Medium Coverage
ถ้าจะให้ Perfectionist ตรงใจไอซ ต้องเป็นแบบ Full Coverage เนียนกริบ!
(คหสต. ความเห็นส่วนตัวนะครัช 555 
บางคนอาจจะคิดว่านี่คือ Perfect สำหรับชั้นแล้วก็ได้งายยย.. )


Youth-Infusing >> นี่คือจุดที่วัดผลไม่ได้ แต่เป็นความรู้สึกทางใจอย่างแรง
บอกเลยว่าไอซอะ ทารองพื้นทุกวัน ประหนึ่งว่าเป็นส่วนหนึ่งของ skincare
ซึ่งเจ้ารองพื้นตัวนี้เนี่ยตอบโจทย์ไอซมาก เพราะมันมีส่วนผสมของซีรั่มบำรุงผิวด้วย!
คือดี คือมีช่วงนึงพยายามตามหาและก็ไม่เจอ และก็ล้มเลิกไป แต่นี่... มันมี นี่ไง !!!
แต่ถามว่ารู้สึกว่าถึงการเปลี่ยนแปลงด้านการบำรุงไม๊.. ก็ไม่นะ (คือไม่รู้สึกน่ะ)
มันก็คงไม่ได้เอ็ฟเฟ็กต์อะไรมากถึงขั้นที่เราจะรู้สึกได้ 
แต่แค่ใช้แล้วมันไม่ช่วยทำร้ายผิวก็ดีมากพอละ
ซีรั่มที่ผสมในเนื้อรองพื้นก็คือ Perfectionist Serum
(ช่วยให้ผิวเฟิร์มกระชับ เน้นเรื่องริ้วรอย 
ถือตนว่ายังเด็ก ยังไม่มีริ้วรอย เลยไม่รู้สึกและเลยไม่แคร์... เด๋วคอยดูแก่นะ TuT)
เป็นญาติพี่น้อง ไลน์เดียวกันกับตัวนี้


Makeup >> ใช้แต่งหน้า อันนี้เคลียร์ แต่ก็อย่างที่บอก มันช่วยบำรุงด้วย
(ข้อนี้จะมีทำไม ฮะพาดี้ ฮึ้ยยยยย ?!?!?!?!?!)

SPF 25 >> มันช่วยกันแดด อุ่นใจได้ระดับนึง
ถ้าทาอันนี้อย่างเดียวโดยไม่ทากันแดด
เพียงพอสำหรับการใช้ชีวิตในที่ร่ม พบเจอแดดน้อยๆ แต่.. ไม่แนะนำนะคะ !!!
แนะนำว่า ไม่ว่าจะยังไงก็ควรจะทากันแดด ดูตัวที่มี PA+++ ด้วย
อะ เดี๋ยวเรื่องนี้ค่อยหาเวลามาว่ากันอีกที ครั้งนี้ข้ามไปก่อนละกัน 
(อยากรู้ต้องติดตาม 555)

โอเค จบไปในส่วนของชื่อ OMG นี่แค่ชื่อเองหรอ 5555
มาดูตอนใช้ลงไปบนหน้าบ้างง (อย่าตกใจนะ ไม่มีคิ้ว lol)
ทั้งหน้า ครั้งนี้ไอซใช้ทั้งหมด 2 ปั้มถ้วนนะคะ


ก็อย่างที่บอกว่าช่วงนี้หน้าดี (กริ๊ดดๆๆ มีความสุข 555)
ก็เลยจะไม่ได้มีรอยอะไรให้เห็นเด่นชัดมาก 
แต่ก็จะมีตรงช่วงหน้าผาก กะตรงปลายจมูกนะ แดงๆหน่อย
สังเกตุได้ว่า โดยรวมดูนวลละมุนขึ้น ผ่องขึ้น
สีดูสม่ำเสมอมากยิ่งขึ้น

 ใกล้ๆเข้าไปอีก เห็นไม๊ว่ามีกระๆ
เห็นไม๊ว่าจางลงๆๆ 
และเห็นไม๊ ว่ายังดูเป็นผิวอยู่ :3


แล้วในเรื่องของประสบการณ์การที่ได้ลองใช้ล่ะ?
ไอซจะแบ่งเป็นหัวข้อๆ (ตาม คหสต.) นะคะ
  • สีสัน / เฉดสี 
สีที่ไอซได้มาลองใช้คือ #1W1 Bone เป็นโทนสีขาวเหลือง 
จริงๆอยากได้สีเข้มกว่านี้ เพราะปกติไอซไม่ชอบใช้รองพื้นขาวมาก ชอบใช้ให้เข้มกว่าผิวหน่อย
แต่ได้มา ก็อะ โอเคๆ ลองดู ปรากฎว่า...
อู้หูยยยยย สีดีมาก เข้ากับผิวไอซสุดๆ พอดีแบบเป๊ะๆๆเลย 
ซึ่งจริงๆแล้ว เค้าก็มีเฉดสีให้เลือกหลากหลายนะ เท่าที่ทราบมา
ถ้าเกิดจะไปเลือกสีให้เหมาะกับตัวเอง ก็แนะนำว่า 
ให้เลือกใช้สี undertone ที่เหมาะกับตัวเอง
อย่างไอซ ค้นพบแล้วว่าชอบ undertone เหลือง อย่ามาชมพูนะ ไม่ชอบ
(อันนี้ก็ คหสต. อีกเช่นกันนะคะ เรื่องความชอบนี่ สต. มากๆ แล้วแต่บุคคล)

ฝั่งซ้ายคือลงรองพื้นแล้ว จะเห็นว่าหน้าค่อนข้างนวลกว่า เหลืองกว่า
ไอความเหลืองนี่มันดีตรงที่ว่า มันจะทำให้รอยแดงดูแดงน้อยลงค่ะ
ดูผิวแบบว่า ไม่อ่อนแอ :3

  • ระดับการปกปิด
ไอซว่ามันคือ Medium Coverage ปกปิดปานกลาง ที่ยังคงให้ความเป็นธรรมชาติ
ริ้วรอยเบาๆ เอาอยู่หมด เพิ่ม Coverage ได้นิสหน่อย

  • เนื้อสัมผัส
เป็นเนื้อฟลูอิดที่ไม่เหลวมากแล้วก็ไม่หนืดมาก ถือว่ากำลังดี 
เกลี่ยง่าย แค่ใช้นิ้วก็รู้เรื่อง
พอทาลงไปบนผิวจะให้ความรู้สึกหยุ่นๆแบบเหมือนมีอะไรมาเคลือบคลุมผิว
เป็นแบบแอบ Matte แต่จริงๆแล้ว Moist อธิบายยากแฮะ ><
แต่คือจะรู้สึกได้ถึงความชุ่มชื่นบนผิวน่ะ 
ซึ่งพอรู้สึกอย่างงั้น (สำหรับไอซ) ก็แปลว่าต้องทาแป้งทับอีกที

  • กลิ่น
เนื่องจากมันมีกลิ่นที่ค่อนข้างชัดเจน ก็เลยไม่พูดถึงไม่ได้
ไอซคิดว่ากลิ่นมันเหมือนกลิ่นขนมนะ แบบคาราเมลๆ หวานๆ อะไรแบบนี้
แต่ให้เพื่อนคนนึงลอง เค้าบอกว่าไม่ชอบกลิ่นเลย บอกว่าเหมือนเป็นกลิ่นสังเคราะห์ 
ก็... เลยจะบอกว่า ไปดมกันก่อนจะซื้อโน๊ะ ชอบไม่ชอบยังไงก็จะได้รู้กัน

  • ติดทน / ไม่เยิ้ม
ไม่ถึงกับเยิ้ม แต่เกือบเยิ้มละ ซับหน้าปุ๊ปก็กลับมาปิ๊งใหม่
(ไอซผิวผสมนะคะ ช่วงทีโซนและกลางๆหน้าจะมัน)
สำหรับคนที่ผิวมันมากก็อาจจะไม่ค่อยปลื้ม
ความติดทน อยู่ในระดับปกติ สำหรับการใช้ชีวิตปกติ ก็จากเช้าถึงเย็นได้เลย
ระดับความเด้งก็ลดลงเรื่อยๆตามกาลเวลา ตามสภาพ

  • ระดับความพึงพอใจทั่วไป
โดยรวมแล้วถือว่า โอเคเลย ถ้าให้ไอซให้คะแนน ไอซให้ 8.5/10
คือ เนื้อสัมผัสมันดีนะ แต่ไอซชอบให้มันรู้สึกหายไปเลยกว่านี้มากกว่า
อันนี้พอทาแล้วมันรู้สึกหยุ่นๆก็เลยแบบว่า ไม่ค่อยโดนใจเท่าไหร่
แต่สำหรับบางคนอาจจะชอบความรู้สึกนี้ก็ได้นะ (คิดว่าคนผิวแห้งอะ รักเลยชัวร์ๆ)
แล้วก็ผลลัพธ์ผิวที่ได้ก็ถือว่าดีทีเดียว แต่ก็ยังมีแบรนด์อื่นๆที่ทำได้เช่นกัน
และในเรื่องของราคา ปริมาณ 30 มล. ราคา 1950 บาท ก็ประมาณนึงเลยทีเดียว
รวมๆแล้ว ก็เลยได้คะแนนไปประมาณนี้ฮะ


วันนี้ก็ ขอจบไว้เพียงเท่านี้ 
ไว้คราวหน้าได้อะไรมาลองใหม่ จะเอามารีวิวให้ดูกันอีกนะครัช
ไอซรีวิวไม่ครบถ้วนตรงไหนยังไง คอมเม้นต์บอกกันได้เลยนะคะ
ชอบอ่านคอมเม้นต์มากๆๆๆๆๆ ^0^ <3

xxx
 P  A  D   I   E 

9.30.2557

รีวิว : 12 Plus Colorista Japan

ฮาโหล วันอังคาร สีชมพู
วันนี้เราเลยมาอัพเดทเมกอัพแบบสีชมพูๆน่ารักๆให้ดูกัน
กับคอลเลกชั่น Colorista Japan จาก 12plus
อ๊ะ บางคนได้ยินชื่อยี่ห้อ อาจจะมีการลังเลว่า เอ๊ะ จะดีไม๊ยังไง หน้าชั้นจะโอเคกะของรึป่าว
ขอบอกเลยว่าาาา เคยคิดอย่างงั้นเหมือนกัน
จนกระทั่งวันนึงได้ลอง “แป้งจิ๋ว” ของ 12plus ราคา ไม่ถึง 40 บาท omg (เราใช้สีม่วงนะ)
นั่นแหละ คือตอนนั้นซื้อมา เพราะเห็นมันเล็กดีและไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคือ 12plus 
และพอรู้ก็เฮ้ยยย คือ ดี อะ คือ ไม่อยากเชื่อ (แต่ก็ต้องเชื่อ เพราะลองใช้แล้ว 555)



เอาหล่ะ เข้าเรื่องไม๊ยังไง ?
ประเด็นคือ 12plus เค้าส่งคอลเลกชั่นใหม่อันนี้มาให้ลองล่ะ
ก็เลยจัดซะหน่อย จัดเป็นลุคชมพู๊ ชมพู เหมาะกะวันอังคารสีชมพู (และวันอื่นๆที่อยากชมพูด้วยก็ได้ 555)
โดย ผลิตภัณฑ์ 2 ชิ้นนี้ คือสิ่งหลักที่ไอซใช้ในลุคนี้



ตลับสีขาวนี้ชื่อว่า wink powder หรือ แป้งวิ๊ง
ตั้งชื่อมาดีมากเลย ไม่ต้องถามต่อเลยนะว่าใช้ทำอะไรได้ ก็ใช้ทาหน้าให้หน้าวิ๊งยังไงล่ะ
ถามว่า วิ๊งไม๊ ตอบเลยว่าวิ๊งง เนื้อแป้งมีเกล็ดวิ๊งๆที่หยอกล้อกะแสงผสมอยู่
ดังนั้น คำแนะนำของไอซคือ อย่าใช้ทั้งหน้าเลย ใช้แค่จุดสะท้อนแสงก็พอ
(จุดสะท้อนแสง = บริเวณโหนกแก้ม , สันจมูก , ปลายคาง เป็นต้น)
มันก็จะช่วยให้บริเวณนั้นสว่างและก็สะท้อนแสงออกมาเป็นให้หน้าดูวาวๆได้ดีขึ้น



ส่วนตา ไอซใช้พาเลลต์สีชมพู-น้ำตาลล่ะ มันชื่อว่า multi eye shadow 
(ช่วงนี้ชอบแต่งตาสีชมพูๆ คิดว่าตัวเองเป็นคนหวานๆแบ๊วๆอะนะ :P)
โดยใช้สีชมพูตรงกลางทาทั่วเปลือกตาเลย สีชมพูอันนี้ชมพูน่ารักนะ ไม่แดง ไม่แปร๋น เกินไป โอเคเลย เป็นเนื้อวาวๆ
แล้วก็ใช้สีน้ำตาลไล่ๆไล้ๆมาจากตรงหาตา ให้เป็นเบ้าเบาๆพอเป็นพิธี แล้วก็ทาลงมาตรงขอบตาล่างถึงประมาณกลางๆตา
จากนั้นก็ใช้สีขาวมาทาบริเวณหัวตาให้สว่างขึ้นมา ทำให้หน้าสดใสขึ้น 2 ระดับ
และขอบอกว่าสีมันอยู่ถึงเย็นด้วยนะไม่ใช่เล่นๆ มีจางลงนิดหน่อย แต่ยังเหลืออยู่อะ !!!



เสร็จแล้วก็ปัดแก้มสีชมพู๊ชมพู แล้วก็ทาลิปสติกสีชมพู๊ชมพูด้วย
ก็เป็นอันว่าเสร็จสรรพของลุคนี้
บอกเลยว่าของ 2 ชิ้นนี้เนี่ย คุ้มจริงอะไรจริง 
แป้งวิ๊ง ราคา 209 บาท และอายแชโดว์ ราคา 179 บาท
จริงๆมีอีกหนึ่งอย่างที่อยากใช้ด้วยแต่มันพึ่งตามมาที่หลัง ><
ก็คือ อายไลเนอร์ super big eyeliner 
(คือเคยใช้อายไลเนอร์ของ 12plus เหมือนกัน คือมีคนบอกว่าดี เลยซื้อ และก็เออ ดีจริง)

*ของดีไม่ดีนี่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับราคาอย่างเดียวนะ ไม่ใช่ว่าแพงแล้วจะดี ถูกแล้วจะไม่ดีเสมอไป อันนี้จำไว้เลย*


วันนี้ก็... จบแล้วล่ะฮิๆ
ไว้เจอกันใหม่คราวหน้าน้าา บ๊ายบายยย บั๊ยบัยยยย 

xxx

PADIE

9.14.2557

พาดี้ ขี้เห่อ : SOAP & GLORY

พาดี้ ขี้เห่อ !!!
ตอน SOAP & GLORY



วันนี้ขอเห่อ Soap and Glory แบรนด์จากอังกฤษที่อยู่ใน Boots
เค้ามีของขายมานานละ เป็นพวกสรรพสิ่งให้ห้องน้ำ สบู่ สครับ ครีม โลชั่น ไรงี้
(คือชอบกลิ่นหอมของไลน์ Sugar Crush นะครัช มีทั้งสครับและสบู่ คริ)
นั่นแหละ แล้วทีนี้ เค้าก็มีเมกอัพด้วยไง แล้วมันก็เดินมาสู่ประเทศไทยแล้วเป็นที่เรียบร้อย
จริงๆก่อนหน้านี้ก็มีอยู่แล้ว แต่ไม่ครบครันดั่งใจเท่าไหร่
มีแค่ลิป motherpucker หรือที่ส่วนตัวเรียกว่า ลิปปากสั่น
เพราะทาแล้วมันรู้สึกถึงพลังงานบางงานที่สั่นอยู่ที่ปาก เกินเย็น เกินซ่า แต่เป็นสั่น !!!
แล้วก็มีอะไรจุบจิบอีกนิดหน่อย แต่นี่... คือมาเต็มมมม มาครบ มาแน่น
และขอให้ดูชื่อ แต่ละอันนี้ คิดมาแล้วอย่างดี โดยเจ้าของภาษา (สมกับมาจากอังกฤษจริงๆ ฮ่ะๆๆ)
เอาล่ะ มาดูกันเลยดีกว่าาา


จากความขี้เกียดหรืออันใดก็มิทราบ.. ทำให้ไม่ได้ถ่ายแยกแต่ละชิ้นไว้ ก็ไล่ไปทีละอันละกันโน๊ะ

ACHERY brow tint and precious pencil
อันนี้ ปลื้มมมมมมมมมมมากกกกกกก ขอให้เจ็ดดาว เต็มห้าดาว ปิ๊งงๆๆๆๆๆๆ
คือ พื้นฐานเป็นคนชอบที่เขียนคิ้วเป็นลิควิด รู้สึกว่าชัดเจนดี เขียนเป็นเขียน เส้นเป็นเส้น คมเป็นคม คิ้วเป็นคิ้ว
และอันนี้ก็มีที่เขียนที่เป็นลิควิด สีดี หัวแปรงได้ แถมยังมีแบบเนื้อดินสอมาให้ด้วยอีก เริ่ด
วิธีที่ไอซใช้ก็คือ ใช้แบบลิควิดเขียนตั้งแต่กลางถึงปลายคิ้ว (ให้คมกริบ)
แล้วก็ใช้แบบที่ดินสอตรงหัวคิ้ว เกลี่ยให้ดูฟุ้งๆได้ แลดูเป็นธรรมชาติ
ราคา 390 บาท (ฮัลโหล ได้ข่าวว่าลดอยู่.. เอ๊ะ หรือยังไง หรือเลิกลดแล้ว?  แต่คือดี)

อันต่อมา
SUPERCAT extreme eyeliner pen
คือ อายไลเนอร์สีดำอ่อน (คือมันไม่สนิทอะตัว คือดำอ่อนๆง่ะ)
เนื้อบางเบาด้วย คือแบบดำแบบ transparent น่ะ สีกึ่งแมตต์กึ่งวาว
หัวเป็นฟองน้ำเหมาะกะคนที่ชอบเขียนเส้น หย่ายยย หย่ายยยยย
แต่ถ้าให้เดาจากชื่อน่าจะเกิดมาเพื่อคนที่ชอบเขียนตาแบบ แคทอาาายยยส์ (นี่คิดเอง)
ราคา 400 บาท

THICK & FAST super volume mascara
จากชื่อ คิดว่าปัดมาแล้วมันจะต้องหนาเป็นก้อนแน่นอน เพราะมันบอกว่า THICK
แต่เปล่าจ้าา โนเลยย คือ ปัดมาแล้วเป็นธรรมชาติมากกก
ขนตาเรียงเส้นสวยไม่จับตัวเป็นก้อน 
คือทำให้ขนตาเส้นเรียวบางของเรา หนา ขึ้นนั้นเองนะฮะ โอเคเลย
แปรงใหญ่ดี เป็นที่มาของ FAST สิ่นะ ปัดๆ เสร็จแล้ว เพราะแปรงใหญ่มั่กกก
ราคา 450 บาท 

SEXY MOTHER PUCKER !!! gloss stick
หึหึ ชื่อมันเด็ดเหลือเกิน พิมผิดตัวเดียวนี่ไม่ได้เลยนะ
เค้าบอกว่า มันเป็น 3D volume lip shine นะจ๊ะ
คือทั้งเด้ง แบบเรียวปากอวบอิ่มและยังไชน์ แวววาวอีกต่างหาก
เท่านั้นไม่พอ สียังสวยอีก เป็นแบบดินสอ พกพาง่าย หมุนๆขึ้นมา ทาได้เลย
ราคา 500 บาท

สุดท้าย
KICK ASS instant retouch pressed powder
อันนี้ก็คือ ดี !!! เหมาะสำหรับใช้กับแปรง เอาไว้เติมระหว่างวัน
ทำให้หน้าที่เมือก เอ้ย หน้าที่แลดูเหนื่อยล้า กลับสดใสมากยิ่งขึ้น
ดังคำเคลมของเค้าที่ว่า instant retouch อื้อหือ ชอบบบ
สีก็สวย เอ๊ะไม่แน่ใจว่ามีหลายสีหรือเปล่า แต่น่าจะมีสีเดียวแหละ
มันจะเป็นเป็นเนื้อ + เหลืองนวลๆ ซึ่งไอความเหลืองของมันนี่แหละ คือความดีงาม
เพราะแป้งโทนเหลืองจะช่วยให้หน้าสดใส (จำไว้นะคะเด็กๆ) นั่นแหละค่ะ จบ 
ราคา 600 บาท


เอาหล่ะ !!!
และเพื่อเป็นการเอาฤกษ์เอาชัยในการตั้งใจทำเพจ ครั้งที่เจ็ดล้าน TuT
เราจะขอ “แจกของ” 3 อย่าง นั่นก็คือ 
SUPERCAT extreme eyeliner pen
THICK & FAST super volume mascara 
และ SEXY MOTHER PUCKER !!! gloss stick (สี Nudist)
ให้ใครก็ได้ที่กดไลค์เพจ icepadie กดไลค์รูปนี้ และคอมเมนต์อะไรซักอย่างที่อยากจะบอกไอซ แค่นั้น !!!
ผู้โชคดีสุ่มเลือกโดยดิฉันเอง ยังไม่กำหนดวันหมดอายุ (วันเลิกเล่น) และไม่กำหนดอะไรเลย 
ปล่อยทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ

ถ้าแชร์ต่อให้เพื่อนมาร่วมสนุกจะน่ารักมาก สัญญาว่าจะมีอะไรมาให้เล่นอีกเรื่อยๆ คริๆ  จุ๊บ

8.31.2557

รีวิวต่อขนตาถาวร ภาค 2

ฮัลโหลลลลลล...
ก็ ไม่มีอะไรมากกกกกก
แค่จะมาอัพเดทว่า ไปเติมขนตามาล่ะ

ครั้งนี้ไอซไปเติมที่ร้าน Panipa สาขา Sathorn Thani ค่ะ
(เดินทางไปง่ายมาก คือ ลงรถไฟฟ้าช่องนนทรีแล้วเดินตามทางไปเรื่อยๆ ร้านอยู่ชั้นใต้ดิน)
ที่ตัดสินใจไป “ลอง” ที่นี่ เพราะว่า “ราคาน่ารักดี” คือ 10 บาท ต่อ เส้น

สภาพก่อนเติม



ทางซ้ายหลุดรุ่ยมาก เยอะกว่าฝั่งขวาสุด เหมือนหลุดร่วงอยู่ฝั่งเดียว แต่ก็ยังไม่แย่มาก เหลือเป็นช่อๆ 


ทางขวายังคงสวยงาม บางลงนิสหน่อย ซึ่งยังสวยอยู่ แต่ก็อยากเติมแล้ว 


ผลการต่อก็คือ...

ต่อขนตา รีวิว icepadie

ต่อขนตา รีวิว icepadie

ทาาดาาาาาา ~
ออกมาสวยงามตามคาดหวัง
รู้สึกว่าเส้นขนตาที่ใช้ของที่นี่จะหนากว่า (แข็งกว่านิดหน่อย) แล้วก็ “ดำเงา” กว่า 
เค้าบอกว่ามันคือ ไฟเบอร์ ค่าาา



ฝั่งทางซ้ายเติมไปทั้งสิ้น 80 เส้น (โอ้ววว โหวววว เยอะจุงส์)

ต่อขนตา รีวิว icepadie


ส่วนทางขวาเติมไปทั้งสิ้น 40 เส้นเองจ้าาา

ต่อขนตา รีวิว icepadie


ใช้เวลาในการดำเนินการประมาณ 1 ชั่วโมงกับอีกนิด
(กำลังดี แอบมาทำตอนเช้าแล้วไปทำงานต่อ 
ร้านนี้เปิดตั้งแต่ประมาณ 8 โมงครึ่งเลยค่ะ แล้วปิดเร็ว)
ค่าเสียหายทั้งหมดสำหรับขนตาคือ 1,200 บาท ค่าา 
และก็เสียหายไปอีก 800 เป็นค่าเซรั่มบำรุงขนตา 


คือ พนักงานเค้าถามว่าเอาด้วยไม๊ ช่วยบำรุงขนตาให้แข็งแรง
ตอนนั้นแบบว่าสลึมสลือ เพราะพึ่งตื่น เลยตกลงปลงใจ เอามา 1 อัน
ดีไม่ดี บอกไม่ถูก เพราะขนตาปลอมชวิ้งมากตลอดเวลา
แต่ก็ใช้กับขนคิ้วและขนตาล่างด้วย — ให้ความรู้สึกดีทางใจมากกก

สรุป
ออกจากร้านด้วยขนตาสวยงาม พร้อมเซรั่มบำรุงขนตาอีก 1 อัน
เสียทรัพย์ทั้งสิ้น 2,000 บาทค่าา 

สวัสดี ^/\^